บ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล

บ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล การแต่งบ้านสไตล์ Modern Tropical กำลังฮิตสุด ๆ ในประเทศในเขตร้อนชื้น เช่น สิงคโปร์และเริ่มเข้ามาเป็นกระแสที่ไทยบ้างแล้ว คำถามคือ แล้วทำไมถึงฮิต นี่คือ 5 เหตุผลที่จะช่วยไขข้อสงสัย พร้อมกับทำให้คนรู้จักการแต่งบ้านสไตล์นี้มากขึ้น

บ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล

ปัจจุบันมีการแต่งบ้านสไตล์ หนึ่งที่ได้รับความนิยม เพราะตอบโจทย์ ข้างต้นได้ครบถ้วน แถมยังมีดีไซน์สุดเก๋ โดนใจคนรุ่นใหม่ นั่นคือการแต่ง บ้านแนวโมเดิร์น ทรอปิคอล

Modern คือ ความทันสมัย ส่วน Tropical คือ เขตร้อนชื้น เมื่อสองคำมารวมกันจึงกลายเป็น การตกแต่งอย่างทันสมัยในเขตพื้นที่ที่มี สภาพอากาศร้อนชื้น”ซึ่งก็คือการปรับแต่งรูปลักษณ์ ของบ้านให้เหมาะสมกับ สภาพอากาศ สอดคล้องกับการอยู่อาศัย โดยจะค่อนข้างให้ความสำคัญ กับพื้นที่ภายในบ้าน และการเล่นแสงจากธรรมชาติ ให้ลอดผ่านเข้ามาในบ้านแต่พอดี

แบบบ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล

Ben House ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยหนาแน่นทางตอนใต้ของจาการ์ตา เป็นบ้านสามชั้นขนาด 800 ตร.ม. ที่ตั้งเป็นทางลาดเอียงเล็กน้อย สถาปนิกจึงทำหลังคาให้เป็นแนวเฉียงสูงแบบโมเดิร์นล้อไปตามพื้นที่อย่างน่าสนใจ ด้านหน้ายังใส่ฟาซาดฉลุลายเป็นปราการเก๋ ๆ ส่วนภายในแต่ละระดับจะพูดถึงระดับจะตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย แสดงถึงความเป็นส่วนตัวในระดับต่าง ๆ ชั้นล่างจะเป็นส่วนปริการ ในขณะที่อีก 2 ชั้นจะแบ่งเป็น โซนกึ่งส่วนตัวและพื้นที่ส่วนตัว

จุดเด่นสำคัญอีกประการหนึ่งอยู่ที่การนำวัสดุหิน เข้ามาเป็นส่วนประกอบในการตกแต่ง ทำให้พอคาดเดาได้ว่าบ้านนี้ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ และอีกส่วนคือระแนงอลูมเนียมแนวตั้งที่เรียงเป็นแผงด้านหน้า ดูเผิน ๆ

เหมือนประดับให้บ้านมีเส้นสายสวยโมเดิร์น แต่จริง ๆ แล้วระแนงเหล่านี้ สามารถช่วยกรองแสงแดด ลดแรงของลมที่ปะทะตัวบ้านให้อ่อนแรงลงได้บ้าง และยังกันสายตาจากผู้คนที่ผ่านไปมาได้ดี

เปิดประตูเดินเข้ามาจะพบ กับบันไดที่นำเข้าสู่ตัวบ้าน ระหว่างนั้นจะมีต้นไม้สีเขียวนานาน พันธุ์ทักทายตลอดทาง ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อมายังประตูหลักที่ปูพื้นด้วยไม้สีน้ำตาลเข้ม จะพบกับโอ่งมังกรต้อนรับ การมาแบบบ้าน ๆ สไตล์เอเชียที่คุ้นเคยกันดีในบ้านเรา

สถาปนิกต้องเผชิญกับความท้าทายที่ว่า สมาชิกมีความต้องการใช้พื้นที่ที่ค่อนข้างมาก ทำให้รู้สึกว่าบ้านดูจะหนาแน่นภายในไซต์ที่ค่อนข้างจำกัด จึงต้องจัดการกับลำดับการใช้งาน และทำให้บ้านใช้งานได้ครบแต่ยังดูกว้าง บทสรุปข้อหนึ่งคือ การพรางตาด้วยความความโปร่งเบาที่ต่อเนื่องนั้นทอดยาวจากทางเข้าไปยังบันไดหลักเข้าสู่ตัวบ้าน

ผนังของบ้านที่เปิดพื้นที่เปิดโล่งได้หลายเมตรในด้านหนึ่งของพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร ยิ่งทำให้ขอบเขตของบ้านหายไป ในขณะที่ด้านตรงข้ามกัน

จะได้รับแสงและอากาศจากธรรมชาติมาจากระเบียงเชื่อมต่อกลางแจ้งและสระว่ายน้ำ บ้านจึงเหมือนกล่องกระจกที่ตกแต่งด้วยไม้และแผ่นโลหะ เพิ่มอารมณ์ผสมผสานให้กับบ้านทั้งหลัง

เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะรู้สึกได้ว่าบรรยากาศโดยรวมต่างจากภายนอกลิบลับ นั่นเป็นเพราะการวางารูปร่างอาคารให้เป็นตัว L โอบล้อมพื้นที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งอยู่ตรงกลาง

เพิ่มความเป็นส่วนตัวในขณะใช้งาน ส่วนแนวคิดในการแบ่งพื้นที่จะทำแบบสามโซน ชั้นล่างสุดตกแต่งหินธรรมชาติ เช่น แอนดีไซต์และหินอ่อน ทำให้มีบรรยากาศที่ปิดล้อม

ขณะที่ย้ายขึ้นไปที่ชั้นสอง จะมีระแนงอลูมิเนียมแนวตั้งพร้อมกระจกเงาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่โปร่งแสงตัดกับส่วนหน้าอาคารขนาดใหญ่ บนชั้นสามมีองค์ประกอบของไม้เลื้อยเหมือนเป็นม่านบังสายตาธรรมชาติที่เชื่อมต่อกับห้องนอน

ระหว่างทางขึ้นมาที่ชั้นสองมีระแนงอลูมิเนียมคลุมทั้งด้านข้างและด้านบน คลุมด้วยวัสดุโปร่งใส ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินผ่านสะพานแขวนที่น่าสนุก เชื่อมต่อกับวิวได้ทุกก้าว

ขึ้นมาบนชั้นสามจะเป็นส่วนของห้องนอนทั้งหมด ที่เชื่อมต่อกับห้องสำหรับครอบครัวและห้องทำงาน ซึ่งโซนนี้จะทำหน้าที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง มาพร้อมพร้อมทิวทัศน์ของกำแพงสวนแนวตั้งขนาดยักษ์

เป็นองค์ประกอบที่ละเอียดอ่อนในการช่วยเบลอเส้นขอบของไซต์และแทรกความสมดุลของเขตร้อนเข้าไปในองค์ประกอบ ทำให้บ้านมีสภาวะสบาย พร้อมกับความสวยงาม ใช้งานได้ดี มีความเป็นธรรมชาติ ครบทุกสิ่งที่ต้องการ บ้านเดี่ยว

ในการออกแบบบ้านนั้น มีเจ้าของบ้านไม่น้อยที่ไม่ทันได้นึกถึงเรื่อง “ระดับความเป็นส่วนตัว” ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นๆ เลย โดยปกติแล้วเราจะพบว่าบ้านมักจะมีโถงด้านหน้า หรือเฉลียง ระเบียง ที่ให้สมาชิกในบ้านออกมาทำกิจกรรมนอกบ้าน แต่ถึงเวลาจริงๆ กลับไม่มีคนใช้งาน

เพราะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวทำให้เสียพื้นที่ใช้งานไปเปล่าๆ หรือบางบ้านชอบความโมเดิร์นที่ใส่กระจกใสในบริเวณกว้าง แต่ใช้งานจริงรู้สึกว่าถูกมองเห็นได้ง่าย

เมื่อใช้ม่านปิดก็รู้สึกว่าบ้านมืดทึบ วิธีแก้ไข ทำให้ด้วยการทำบล็อกช่องลมหรือระแนงเป็นตัวช่วย ส่วนที่ต้องการปิดมุมมองในระดับความเป็นส่วนตัวสูงอย่างห้องนอนและห้องน้ำ ก็ปิดทึบในผนังด้านที่อยู่ในระดับสายตาหรือมีมุมมองภายนอกเข้ามาได้ เป็นต้น

แบบบ้านสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล สองชั้น กะทัดรัด

บ้าน เป็นคำเพียงหนึ่งคำที่เรียบง่าย แต่ในรายละเอียดนั้นมีเรื่องยาวยิบย่อยมากมาย ในขณะที่รูปร่างหน้าตาสไตล์โมเดิร์นคมชัด ดูน้อยๆ ไม่เยอะ ทั้งโทนสีและวัสดุ แต่ก็ยังแฝงด้วยแนวคิด เทคนิคในการก่อสร้าง และสิ่งที่เป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อย่างละเอียดละออ เหมือนเช่นบ้านหลังนี้ในประเทศอินโดนีเซีย ที่ให้นิยามว่าเป็นบ้านโมเดิร์นทรอปิคอล มองจากภายนอกทันสมัยเส้นตรง เส้นเฉียง เส้นสายตาชัดเจน แต่ภายในซ่อนมุมสดชื่นอ่อนโยนเอาไว้ให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติแบบไม่แข็งกระด้าง

ASH House เป็นบ้านส่วนตัวที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองใหญ่ Banten ประเทศ Indonesia โจทย์เบื้องต้นเมื่อพูดคุยกับเจ้าของเป็นครั้งแรก คือ ต้องการเปิดช่องเปิดขนาดใหญ่และการไหลเวียนของอากาศที่ดี และรู้สึกได้ถึงธรรมชาติตั้งแต่ทางเข้า สถาปนิกจึงประมวลผลออกมาในรูปแบบของบ้านโมเดิร์นทรอปิคอล ที่ดีไซน์หลังคาเฉียงสูง

วัสดุโทนสีเทาสลับอิฐสีส้มและบล็อกคอนกรีตที่เข้ากันได้ดีกับสีพื้นเทา ตัดเส้นกรอบสายตาด้วยงานเหล็กสีดำ บ้านไม่จำเป็นต้องเปิดรับแสงจากด้านหน้า จึงดูค่อนข้างปิดแต่เปิดด้านอื่นแทน บริเวณทางเข้าออกแบบให้มีสวนเล็ก ๆ ที่สเต็ปบันไดเพื่อให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์

เนื่องจากแนวคิดเริ่มต้นด้วยแนวทางสถาปัตยกรรมเขตร้อน สถาปนิกจึงออกแบบบ้านหลังนี้ให้มีช่องแสงธรรมชาติและช่องระบายอากาศจำนวนมาก โดยถัดจากประตูหน้าจะเป็นลานคอร์ทโถงสูงปลูกต้นไม้สูงทะลุถึงชั้นสอง เพื่อที่ว่าในระหว่างวันจะไม่จำเป็นต้องใช้แสงไฟหรือเปิดเครื่องปรับอากาศ ประตูบ้านที่ใช้ก็ไม่ใช่ประตูไม้ทึบเหมือนบ้านทั่วไปแต่เป็นไม้กั้นที่มีช่องว่างระหว่างซี่ง บ้านสไตล์ทรอปิคอล

เพื่อให้อากาศยังไหลผ่านช่องว่างที่มีอยู่ได้ ประตูรุ่นนี้ทำให้อากาศหมุนเวียนในบ้านได้ดีมากเพราะมีการระบายอากาศแบบ “Cross Ventilation” จากหน้าบ้านจะมีห้องโถงโล่งๆ นำทางไปที่บันไดขึ้นสู่ชั้นสองด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านจะเข้าสู่พื้นที่ใช้งานหลัก ๆ ของครอบครัวมีห้องนั่งเล่น ครัว และพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ด้วยกันในจุดเดียว ระหว่างผนังและประตูจะมีช่องแสงช่องเปิดขนาดใหญ่ วัสดุที่ใช้ทำหลังคาเป็นกระจกในบางจุดดึงแสงเข้ามาลดการใช้ไฟส่องสว่างในช่วงกลางวันได้เป็นอย่างดี

ความเนี๊ยบของบ้านยังคงมีให้เห็นจากภายนอกสู่ภายใน ด้วยงานอินทีเรียที่ประณีตสวยงาม โดยเฉพาะงานไม้ที่ไม่มีที่ติ การเลือกโทนสีมีหลัก ๆ แค่ 3 สี คือสีขาว เทา ดำ จึงดูน่าสนใจแบบไม่ตีกันและไม่เชยหรือแก่ ส่วนวัสดุจะเลือกใช้แผ่นหิน กระเบื้องลายธรรมชาติ และไม้ เพื่อให้นำเสนอกลิ่นอายความโมเดิร์นที่ควบคู่ไปกับธรรมชาติผ่านองค์ประกอบของบ้านอย่างกลมกลืนลื่นไหล

ห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร และ Pantry ทำเป็น Open Plan กว้างๆ เชื่อมต่อถึงกันได้หมดเป็นห้องเดียว ผนังด้านหนึ่งเป็นประตูกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานยาวหลายเมตรติดกับสวน ช่วยเบลอขอบเขตให้บ้านและสวนเหมือนเป็นบริเวฯเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจของพื้นที่นี้คือพื้นที่ห้องนั่งเล่นถูกทำให้เป็นเหมือนหลุมต่ำกว่าระดับบ้านอื่นๆ และมีเพดานสูง 2 ชั้น เพื่อให้รู้สึกโอ่โถงเป็นพิเศาเมื่อเราอยู่ในห้องนี้

คอร์ทยาร์ทจากชั้นล่างบริเวณหน้าบ้าน เจาะสูงเปิดโล่งให้ต้นไม้เติบโตทะลุมาถึงชั้นบน ตรงจุดนี้จะมีหลังคาสกายไลท์โปร่งแสงขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้พืชนำแสงไปใช้ในกระบวนการหายใจเพื่อสร้างพลังงานและอาหาร นอกจากนี้ยังเปิดวิสัยทัศน์ให้บ้านสามารถมองเห็นวิวท้องฟ้าสีครามใสในช่วงกลางวัน และดูดาวระยิบระยับตอนกลางคืนได้ด้วย เหมือนยกพื้นที่กลางแจ้งมาเก็บไว้ในบ้านแบบ inside out- outside in

ห้องนอนเป็นส่วนที่ตกแต่งง่ายๆ เรียบๆ ด้วยโทนสีขาวสลับงานไม้ มีห้องน้ำในตัวที่ตกแต่งด้วยกระเบื้อง Subway หินขัด และผนังทาสีเขียวให้อารมณ์แบบเรโทรเล็ก ๆ ต่างจากภาพลักษณืนอกบ้าน ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของ

บรรยากาศของบ้านดูเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมในตอนกลางคืน ด้วยการออกแบบไฟประดับตกแต่งตามส่วนต่างๆ ของบ้าน ทั้งไฟฝังผนังข้างบันได ไฟ uplight, downlight หรือไฟซ่อน indirect light ที่ให้ความรู้สึกและจุดที่ต้องการเน้นต่างกัน แต่จะสังเกตว่าส่วนใหญ่จะเป็นสี warm และ natural white ที่ให้แสงอบอุ่นละมุนตา

สถาปัตยกรรมเขตร้อนชื้นหรือทรอปิคอลนั้น จะมีลักษณะเด่นด้านการใช้วัสดุธรรมชาติหรือวัสดุท้องถิ่นมาใช้เป็นองคืประกอบส่วนต่างๆ ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นอิฐ หินหรือไม้ หากเป็นโมเดิร์นทรอปิคอลก็อาจเสริมด้วยวัสดุใหม่ๆ อาทิ เหล็ก กระจก ส่วนภายในจะนำเสนอการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายในการพักอาศัยด้วยสเปซกว้างๆ การเข้าถึงธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นแสง ลม สวน น้ำ ที่จะทำหน้าที่ให้ความสว่าง การระบายและไหลเวียนอากาศที่ดี รวมไปถึงการสร้างความเย็นฉ่ำในช่วงฤดูร้อน